บริษัทเคอร์ทิสส์ แอร์โร่เพลน แอนด์ มอเตอร์ ของ เคอร์ทิสส์แอโรเพลนแอนด์มอเตอร์

ภาพเครื่องบินรุ่น 2 ที่นั่ง Curtiss 160 hp Reconnaissance ในปี พ.ศ. 2461

บริษัทเคอร์ทิสส์ แอร์โร่เพลน แอนด์ มอเตอร์ ถูกก่อตั้งเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2459 จากบริษัท เคอร์ทิสส์ แอร์โร่เพลน แห่ง แฮมมอนด์สปอร์ต รัฐนิวยอร์ก และบริษัทเคอร์ทิสส์ มอเตอร์ จากบาธ นิวยอร์ก และ บริษัทเบอร์เกสส์ แห่งมาเบิลเฮด รัฐแมสซาชูเซตส์ เป็นบริษัทลูกในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2459 [7]

เมื่อ สงครามโลกครั้งที่ 1 ก่อตัวขึ้น ทางทหารได้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และเคอร์ทิสส์ตจึงต้องขยายอย่างเร็ว ในปีพ.ศ. 2459 บริษัทได้ย้ายสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตหลักสู่ เมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก ซึ่งเข้าถึงระบบขนส่ง กำลังขน ความเชี่ยวชาญในการผลิต และแหล่งเงินทุนที่สำคัญ โดยมีการดำเนินการเสริมเริ่มขึ้นในเมืองโตรอนโต รัฐออนแทรีโอ ซึ่งมีส่วนทั้งการผลิตและอบรม รวมถึงก่อตั้งโรงเรียนเพื่อการบินเป็นครั้งแรกในแคนาดา เมื่อปี พ.ศ. 2458 [8]

ในปี พ.ศ. 2560 ผู้ถือสิทธิบัตรหลักทั้ง 2 ฝ่ายคือ บริษัทไรท์ และบริษัทเคอร์ทิสส์ ได้มี กำหนดการสร้างอากาศยานใหม่ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในขณะที่สหรัฐอเมริกาได้เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาในนามคณะกรรมการของประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ ซึ่งมีคำแนะนำในขณะนั้น ผู้ช่วยเลขานุการกองทัพเรือ จึงมีคำสั่งให้ภาคอุตสาหกรรมจัดตั้งความร่วมมือใบอนุญาตขององค์กร (ในแง่ใช้ สิทธิบัตรร่วมกัน) ของ สมาคมโรงงานผู้ผลิตอากาศยาน [9][10][11]

เคอร์ทิสส์คือส่วนสำคัญในการช่วยในการพัฒนาของการบินสหรัฐอเมริกาในการอบรมนักบินและจัดหาอากาศยาน คำสั่งหลักครั้งแรกคือ 144 ชุดฝึกอบรมทางการบิน [4]โมเดล เอฟ (Model F) ในปี พ.ศ. 2457 เคอร์ทิสส์ ได้เชิญ ดักลาส โทมันจาก ซอปวิทธ์ ออกแบบเครื่องฝึกการบิน โมเดล J ซึ่งนำไปสู่รุ่น JN-4 [12][13]

บริษัทเคอร์ทิสส์ แอร์โร่เพลน แอนด์ มอเตอร์ ได้ทำงานให้กับพันธมิตรสหรัฐอเมริกา-อังกฤษและแคนาดา เครื่อง JN-4s ได้ถูกผลิตขึ้นในประเทศแคนนาดา และถูกจำนวนหลายเครื่องได้ถูกนำไปใช้ฝึกที่ประเทศอังกฤษ [14] และในการที่จะบรรลุการผลิตทำตามคำสั่งซื้อจากทหารของรุ่น เคอร์ทิสส์ เจนนี่ เครื่องบิฝึกรุ่น 2 ที่นั่ง การผลิตจึงเพิ่มไปถึงโรงงานอื่นอีก 5 แห่งด้วยกัน

เครื่องบินทหารเคอร์ทิสส์กำลังถูกทดสอบที่ คอลเลจพาร์ก แมรี่แลนด์ ในปี พ.ศ. 2455

เรือบินเคอร์ทิสส์ HS-2L ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในสงครามสำหรับลาดตะเวนต่อต้านเรือดำน้ำ มีฐานการผลิตที่รัฐโนวาสโกเชีย ประเทศแคนาดา ประเทศฝรั่งเศส และประเทศโปรตุเกส ราชนาวีและเคอร์ทิสส์ได้ทำงานร่วมกันออกแบบเรือบิน ในรุ่น NC-4 เครื่องบินรุ่นแรกที่บินข้าม มหาสมุทรแอตแลนติก ได้ในปี พ.ศ. 2462 บริษัทเคอร์ทิสส์ แอร์โร่เพลน แอนด์ มอเตอร์ ได้เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 มีพนักงาน 18,000 คนที่ บัฟฟาโล และ 3,000 คนที่ แฮมมอนด์สปอร์ต รัฐนิวยอร์ก เคอร์ทิสส์ผลิตเครื่องบินรวม 10,000 ลำในระหว่างสงครามและมากกว่า 100 ลำในแต่ละสัปดาห์สันติภาพได้นำมาสู่การยกเลิกสัญญาช่วงสงคราม ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2463 บริษัทเคอร์ทิสส์ แอร์โร่เพลน แอนด์ มอเตอร์ อยู่ภายใต้การปรับโครงสร้างทางการเงิน และเกลนน์ เคอร์ทิสส์ถอนเงินจากหุ้นของเขาในบริษัทจำนวน 32 ล้านดอลลาร์ และเกษียณที่ฟลอริด้า [15] เขายังอยู่ในฐานะผู้อำนวยการบริษัทแต่เป็นแค่ด้านคำแนะนำการออกแบบเท่านั้น เคลมองต์ เอ็ม คียส์ ได้เข้าควบคุมบริษัทและต่อมากลายเป็นศูนย์กลางของบริษัทเกี่ยวกับอากาศยาน [16]

เครื่องบินทะเล (seaplanes) ของเคอร์ทิสส์ชนะการแข่งขันถ้วย ชไนเดอร์ (Schneider Cup) 2 ปี คือ พ.ศ. 2466 และ 2468 ในปี พ.ศ. 2466 ชนะโดย เรือเอกเดวิด ริทเทนเฮ้าส์ กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ทำการบินความเร็วที่ 177.266 ไมล์ต่อชั่วโมง (285.282 ก.ม.ต่อชั่วโมง)ร้อยเอก ไซรัส เค เบททิส จาก กองทัพสหรัฐอเมริกา ขับรุ่นเคอร์ทิสส์ R3C ชนะรางวัลการแข่งขัน Pulitzer Trophy Race ในวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2468 บนความเร็ว 248.9 ไมล์ต่อชั่วโมง (400.6 ก.ม.ต่อชั่วโมง) [17] 13 วันถัดมา จิมมี่ ดูลิตเติ้ล ชนะรางวัลชไนเดอร์ (Schneider) เครื่องบินรุ่นเดียวกันในแบบทุ่นลอย ดูลิตเติ้ลทำได้เป็นครั้งแรกบนความเร็ว 232.573 ไมล์ต่อชั่วโมง (374.290 ก.ม.ต่อชั่วโมง)

บริษัท เคอร์ทิสส์-ไรท์ คอร์ปอเรชั่น

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2472 บริษัทเคอร์ทิสส์ แอร์โร่เพลน แอนด์ มอเตอร์ ได้เข้าร่วมกับบริษัท เคอร์ทิสส์-ไรท์ คอร์ปอเรชั่น พร้อมกับในเครือของไรท์และเคอร์ทิสส์อีก 11 บริษัท หนึ่งในโครงการสุดท้ายจากเคอร์ทิสส์ แอร์โร่เพลน คือ Curtiss-Bleecker SX-5-1 Helicopter การออกแบบใบพัดที่มีจุดกึ่งกลางในขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนใบพัดหลัก การออกแบบที่มีค่าใช้จ่ายสูงและออกแบบทางวิศวกรรมอย่างดีกลับล้มเหลวทั้งหมด [18]

โรงเรียนการบินเคอร์ทิสส์ (Curtiss Aviation School)

เคอร์ทิสส์ยังดำเนินการโรงเรียนการบินและอากาศยานที่ Long Brach Aerodrome ใน มิซซิสเซากา รัฐออนแทรีโอ จากปี พ.ศ. 2458 ถึง พ.ศ. 2460 ก่อนโดนควบกิจการโดย โรยัล ฟลายอิ้ง คอร์ปส [19]

สถานีการบินชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก

เกรนน์ แฮมมอนด์ เคอร์ทิสส์ เป็นผู้สนับสนุน สถานีการบินชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก หรือ Atlantic Coast Aeronautical Station บนเนื้อที่ 20 เอเคอร์ ที่ตะวันออกของ นิวพอร์ตนิวส์ รัฐเวอร์จิเนีย เรือฮาร์เบอร์ ในฤดูใบไม้ร่วงปี พ.ศ. 2458 ซึ่งมีกัปตันโทมัส สก็อตต์ บัลด์วินเป็นหัวหน้า มีนักเรียนพลเรือนจำนวนมากรวมทั้งชาวแคนาดา ซึ่งต่อมาเป็นนักบินที่มีชื่อเสียงในสงครามโลกครั้งที่ 1 เช่น วิคเตอร์ คาริสตรอม, เวอร์นอน คาสเทิล, เอ็ดดี้ สตินสัน และเกน บิลลี่ มิทเชล ได้ฝึกที่นี่ อย่างไรก็ดีโรงเรียนแห่งนี้ได้ถูกยกเลิกไปในปี พ.ศ. 2465

ใกล้เคียง

เคอร์บี: ไรต์แบคแอตยา! เคอร์ติส โจนส์ เคอร์ทิสส์แอโรเพลนแอนด์มอเตอร์ เคอร์ติส แอ็กเซล เคอร์บี: แคนวาสเคิร์ส เคอร์บีส์ดรีมแลนด์ เคอร์บีสตาร์แอลลายส์ เคอร์ลิง เคอร์บี: ทริปเปิลดีลักซ์ เคอร์รี วอน เอริช

แหล่งที่มา

WikiPedia: เคอร์ทิสส์แอโรเพลนแอนด์มอเตอร์ http://books.google.ca/books?id=PXtGAAAAYAAJ http://ipbiz.blogspot.com/2006/07/patent-thickets-... http://buffaloah.com/h/aero/aero.html http://www.etobicokehistorical.com/Stories/Long_Br... http://books.google.com/books?id=UigDAAAAMBAJ&pg=P... http://www.nasm.si.edu/collections/artifact.cfm?id... http://www.centennialofflight.gov/essay/Aerospace/... http://history.nasa.gov/SP-4103/ch2.htm http://www.buckeyeinstitute.org/article/197